ความงามของผู้หญิงเราจะขาดสิ่งนี้ไปไม่ได้เลยก็คือ “คิ้ว” เพราะคิ้วคือมงกุฎของใบหน้า ทว่าไปแล้วผู้หญิงเราไม่ได้เกิดมาคิ้วหนาไปซะทุกคน ทำให้ในปัจจุบันจึงเกิดการ สักคิ้ว แบบใหม่เกิดขึ้น ซึ่งแตกต่างไปจากแต่ก่อนที่ใครหลายคนเลี่ยงต่อการมาเติมแต่งคิ้ว เพราะในปัจจุบันมีเทคนิคที่ทำให้คิ้วของสาวๆนั้นดูบางเป็นธรรมชาติและดูมีมิติมากยิ่งขึ้น ดังนั้นใครอยากสักคิ้วแบบธรรมชาติต้องมาลองอ่าน
ทำความรู้จักและเทคนิคดีๆ ก่อนที่จะไป สักคิ้ว เพราะคิ้วคือมงกุฎของใบหน้า
เท้าความย้อนไปเมื่ออดีตถ้าพูดถึงเรื่อง “สักคิ้ว” มักจะไม่มีเทคนิคและอุปกรณ์ที่ทันสมัยเท่ากับปัจจุบัน ยิ่งเรื่องลงลายเส้นบนคิ้วแล้วนั้นดูดำปึ้ดเห็นแค่เพียงเป็นรูปทรงว่านี้คือคิ้วนะเพียงเท่านั้น แต่ในปัจจุบันกลับทำให้สาวๆหลายคนสนใจหันมาลงลายคิ้วกันมากยิ่งขึ้น เพราะเทคนิคที่ทันสมัยลายเส้นที่ดูเป็นธรรมชาติเสมือนคิ้วจริงหรือที่ใครหลายคนเรียกการสักคิ้ว 6 มิตินั้นเอง
ดังนั้นก่อนที่สาวๆจะไปสักคิ้วเพื่อให้รูปหน้าหรือโหงวเฮ้งของสาวๆเปลี่ยน แน่นอนว่าต้องศึกษาให้ดีเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงของคิ้วที่เข้ากับใบหน้าของเรา เลือกร้านที่คิดว่าเป็นมืออาชีพและมีใบอนุญาตประกอบกิจการ และควรรู้ว่าก่อนจะไปทำและหลังนั้นควรมีข้อปฏิบัติอย่างไร เพื่อที่จะให้ลายคิ้วนั้นอยู่ทนและไม่ให้แผลเกิดการอักเสบได้
สิ่งที่รู้ก่อนตัดสินใจไปสักคิ้ว
ก่อนจะไปทำสวยกันสิ่งแรกคือต้องศึกษาหาข้อมูลและเตรียมตัวก่อนสักคิ้ว ไม่ใช่เพียงอยากจะไปสักก็ไปได้เลย จะมีข้อปฏิบัติอะไรบ้าง
1. เลือกร้านสัก
สิ่งแรกเลยที่ต้องดูให้ดีและดูให้อย่างละเอียดคือเลือกร้านสักคิ้วให้ดีๆ เพราะในปัจจุบันต้องบอกเลยว่าร้านสักนั้นเกิดขึ้นมาเยอะมาก ดังนั้นเราต้องเลือกร้านที่ดูได้มาตรฐาน อุปกรณ์สะอาด มีใบประกอบกิจการ และดูน่าเชื่อถืออีกด้วย นอกจากนั้นอยากให้สาวๆดูรีวิวจากลูกค้าที่ได้ไปลองสักกับร้านมาก่อนด้วย เพราะจะได้เห็นผลงานว่าสักออกมาแล้วเป็นอย่างไร ไม่เท่านั้นเรื่องราคาก็เป็นสิ่งสำคัญหาร้านที่ราคาสมเหตุสมผลกับมาตรฐานของร้าน เพราะถ้าเกิดถูกจนเกินไปอาจเจอร้านที่ไม่ได้มาตรฐานได้ ผมเสียจะตามมาทีหลังได้นะคะ
2. ควรเลือกกี่มิติ
สำหรับมือใหม่ที่พึ่งเข้าวงการสักคิ้วแล้วกำลังกังวลว่าจะเลือกสักคิ้วกี่มิติดีนะให้เข้ากับเรา ต้องบอกก่อนเลยว่าเรื่องมิติไม่ใช่รูปทรงของคิ้วนะคะ ซึ่งในปัจจุบันที่เป็นที่นิยมกันจะมีทั้งหมด 2 แบบ ก็คือ สักคิ้ว 3 มิติ และ 6 มิติ ความแตกต่างของสองมิตินี้ก็คือ 3 มิติ จะให้อารมณ์เหมือนสาวๆเขียนคิ้วอยู่ตลอดเวลา ส่วน 6 มิติ จะเป็นเทคนิคที่ขั้นกว่าเป็นการวาดลายเส้นที่เนี๊ยบมากกว่าให้ดูเหมือนเส้นขนคิ้วธรรมชาติเลย สำหรับใครที่มีคิ้วบางแนะนำให้สักแบบ 6 มิติจะดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
3. เลือกแบบคิ้ว
ในปัจจุบันหลายร้านจะเลือกใช้เทคนิคของแบบคิ้วที่ต่างกันออกไป ควรจะศึกษาให้ดีก่อนว่าใจเราต้องการแบบคิ้วแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นแบบลายเส้น แบบระบายหรือแบบผสมกัน เพราะแต่ละแบบนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเลย
4. เลือกทรงคิ้ว
เพราะคิ้วคือมงกุฎของใบหน้าที่แท้จริง การเลือกทรงคิ้วก็เช่นกัน เพราะทรงคิ้วเหมาะกับใบหน้าจะทำให้รูปหน้าของเรานั้นดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น และรับกับโหงวเฮ้งของหน้าเราเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นควรลองเขียนคิ้วดูก่อนว่าทรงไหนเข้ากับใบหน้าของเรามากที่สุด
5. ข้อควรปฏิบัติก่อน-หลังไปทำ
ก่อนจะไปที่จะไปสักคิ้ว สาวๆต้องรู้ก่อนว่ามีข้อปฏิบัติอย่างไรบ้าง เพื่อที่จะไม่ให้ผิวของเราเกิดการระคายเคืองได้ง่าย และควรงดทานอะไรบ้าง และหลังทำเสร็จแล้วควรปฏิบัติตามที่ช่างแนะนำเพราะอาจจะเกิดการอักเสบของแผลหลังสักมาได้ง่าย
เลือกแบบคิ้วอย่างไรดี
ในปัจจุบันทีร้านสักคิ้วเยอะแยะมากมายที่ได้มาตรฐานเป็นอย่างดี ทำให้มีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งแบบคิ้วมีให้เลือกหลักๆเลย 3 แบบ ดังนี้
1. แบบลายเส้น
คำว่าสักคิ้วลายเส้น จะมีลักษณะที่เรียงเส้นคล้ายขนคิ้วจริงเลย จะใช้เทคนิคที่ค่อนข้างสูง ซึ่งการเลือกแบบลายเส้นบางร้านจะเรียกว่า สักคิ้ว 3 มิติ 6 มิติ หรือ Hairstroke ข้อดีของการเลือกแบบนี้จะได้คิ้วที่เป็นธรรมชาติคล้ายกับคิ้วจริงเลย ข้อเสียถ้าเกิดจะแต่งหน้าก็ต้องมีการเขียนคิ้วเพิ่มและไม่เหมาะกับทุกสภาพผิว
2. แบบระบาย
สักคิ้วแบบระบาย บางร้านจะเรียกว่า สักคิ้วสีฝุ่น จะเป็นการสักที่เหมือนกับการเขียนคิ้วในชีวิตประจำวันเลย ซึ่งข้อดีของแบบระบายคือไม่ต้องเขียนคิ้วเพิ่ม เป็นแบบ Make up look และยังเหมาะกับทุกสภาพผิวอีกด้วย
3. แบบผสม
ลักษณะของการสักคิ้วแบบผสมคือการนำเทคนิคของลายเส้นมาผสมกับระบาย ลักษณะคือหัวคิ้วจะใช้เทคนิคของแบบลายเส้น และส่วนหางคิ้วจะใช้เป็นแบบผสม ใครที่อยาก Make up look แต่ยังความธรรมชาติไว้ แบบนี้เหมาะมากไม่ดูคิ้วหนาจนเกินไป
เลือกแบบทรงคิ้วให้เข้ากับใบหน้า
เพราะการสักคิ้วมันจะอยู่กับเราไปอีกนาน ดังนั้นควรเลือกทรงคิ้วเหมาะกับหน้า มีทั้งหมด 5 ทรงคิ้วด้วยกัน ดังนี้
1. ทรงคิ้วตรง
ทรงคิ้วตรงหรือที่เรียกว่าทรงคิ้วเกาหลี ทรงนี้จะไม่มีจุดโก่งใดๆเลย ซึ่งคิ้วทรงนี้จะเหมาะกับคนที่มีใบหน้าเรียวยาวไปตั้งแต่หน้าผากจนถึงคางเลย ลักษณะคิ้วแบบตรงจะช่วยให้หน้าไม่ยาวจนเกินไป
2. ทรงคิ้วโก่งเล็กน้อย
ทรงคิ้วโก่งเล็กน้อยจะดูไม่หนาจนเกินไป ลักษณะของหางคิ้วจะโก่งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้ทรงคิ้วเหมาะใบหน้าเหลี่ยม จะช่วยรับความกว้างของช่วงหน้าผากกับขากรรไกรให้ดูสมส่วนกัน
3. ทรงคิ้วเชิด
ทรงคิ้วเชิดจะมีลักษณะปลายหางคิ้วเชิดเพียงเล็กน้อยให้อยู่สูงกว่าหัวคิ้ว ซึ่งเหมาะกับคนที่มีใบหน้ารูปไข่ เพราะทรงนี้จะช่วยให้ใบหน้านั้นดูสง่ามากยิ่งขึ้น
4. ทรงคิ้วโก่งสูง
ทรงคิ้วโก่งสูงจะมีลักษณะที่ปลายหางคิ้วนั้นโก่งแบบชัดเจนได้มุมที่ดูดี ซึ่งทรงนี้จะเหมาะกับคนที่มีใบหน้ากลม เพราะว่าส่วนของหน้าจะมีใบหน้าที่กว้างโดยเฉพาะช่วงโหนกแก้ม การวาดคิ้วโก่งจะทำให้หน้าดูเรียวมากยิ่งขึ้น
5. ทรงคิ้วโค้งมน
ทรงคิ้วโค้งมนจะมีลักษณะที่ไม่ทำมุมช่วงปลายคิ้ว แต่จะเป็นการโก่งในบริเวณกลางคิ้วแทน ซึ่งทรงนี้จะเหมาะกับคนที่มีใบหน้ารูปทรงหัวใจ เพราะช่วงใบหน้าจะกว้างกว่าช่วงคางการทำโค้งมนจะช่วยให้หน้ารับกันมากยิ่งขึ้น
ข้อควรปฏิบัติก่อนทำการสักคิ้ว
1. งดการสครับใบหน้าก่อนมาทำ 1 อาทิตย์
2. ไม่ได้ทำศัลยกรรมในช่วงบริเวณตาและจมูก
3. ไม่ได้ฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ช่วงบริเวณหน้ามา
4. หากมีอาการเจ็บป่วย เป็นไข้ ควรรักษาให้หายเสียก่อน
5. ควรงดแอลกอฮอล์มาก่อนประมาณ 12 ชั่วโมง
ข้อควรปฏิบัติหลังทำการสักคิ้ว
1. ห้ามโดนน้ำและเหงื่อหลังทำ 7 วัน
2. งดเขียนคิ้วหลังทำ 1 เดือน
3. งดสกินแคร์ทุกชนิดที่จะโดนบริเวณคิ้ว
4. ห้ามแกะแผลหรือลอกคิ้วเด็ดขาด
5. มั่นทาปิโตรเลียมเจลลี่เป็นประจำทุกวันเพื่อลดอาการคัน
ขอบคุณรูปจาก
อ่านบทความ ต่อขนตาแบบไหนดี เราไขข้อสงสัยต่อแบบไหนที่เหมาะกับเรา